The Five Dysfunctions of a Team: ความผิดพลาดทั้งห้าในการสร้างทีม
เรียบเรียงโดย คุณกิตติ เกตุทัต (ที่ปรึกษาโครงการโรงพยาบาลเมืองพัทยา)
“เท่าที่ผ่านมา การทำงานเป็นทีมในองค์กรส่วนมากยังคงเป็นเรื่องยาก ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้โดยง่าย”
และเป็นเช่นนั้นจริงๆ!! ความล้มเหลวของทุกองค์กรเกิดจากการมีทีมที่ไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากทีมสามารถทำงานได้ดี นั่นถือเป็นเรื่องที่แปลกและมหัศจรรย์มากในองค์กร เมื่อ “ทีมไม่เวิร์ค” ก็จะส่งผลกระทบด้านลบกันทั้งองค์กร การทำทีมที่ประสบความสำเร็จจึงถือเป็นความอยู่รอดขององค์กร ถือเป็นหน้าที่ที่ทุกคนจะต้องทำให้ทีมประสบความสำเร็จ การใช้ทักษะในการทำงานเป็นทีมน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าหน้าที่ ผู้บริหาร อยู่ในแผนกเล็กหรือใหญ่ หรือแม้ว่าคุณจะเป็นเพียงสมาชิกของทีมที่ต้องการทำทีมก็ตาม
สิ่งที่เห็นได้ชัดจากทุกองค์กร ประการแรก การทำงานเป็นทีมในองค์กรส่วนใหญ่ยังคงเป็นสิ่งที่เข้าใจยากอย่างที่เคยกล่าวมาข้างต้น ประการที่สอง องค์กรที่ล้มเหลวในการทำงานเป็นทีม เพราะความไม่รู้และตกเป็นเหยื่อของความผิดพลาด 5 ประการ ซึ่งอันตรายมาก !! ซึ่งในที่นี้ผมขอเรียกว่า “ความผิดพลาดห้าประการของการทำทีมเวิร์ค”
1.“ขาดความไว้วางใจ” (Absence of Trust) ทีมที่ขาดความไว้วางใจกันและกันจะเสียเวลามากมาย เสียพลังงานที่จัดการพฤติกรรมของพวกเขารวมถึงการปฏิสัมพันธ์ภายในกลุ่ม พวกเขามักจะกลัวการประชุมทีม และไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงหรือให้ความช่วยเหลือผู้อื่น เป็นผลให้สมาชิกในทีมเสียกำลังใจ ดังนั้นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจจึงต้องใช้ประสบการณ์ร่วมกัน เมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีความน่าเชื่อถือและความเข้าใจกันมากขึ้น คนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จจะเรียนรู้ที่จะแข่งขันกับเพื่อนๆในทีม เพื่อปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง มันเป็นความท้าทายสำหรับสมาชิกในทีมที่จะเปลี่ยนสัญชาตญาณ เปลี่ยนวิธีคิดเหล่านั้นออกไปเพื่อประโยชน์ของทีม ในบริบทของการสร้างทีม “ความไว้วางใจ” ถือว่าสำคัญที่สุด เพื่อนร่วมงานต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน และที่สำคัญสมาชิกในทีมต้องได้รับความสะดวกสบาย ทั้งนี้เพื่อละลายและหล่อหลอมพฤติกรรมของสมาชิกในทีมจากประสบการณ์ในอดีต ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเมื่อเข้ามาร่วมทีมเดียวกัน เพราะเมื่อสมาชิกในทีมรู้สึกสบายใจที่ได้รู้จักกันและกัน เป็นเพื่อนกัน พวกเขาจะสามารถทำหน้าที่ของตนได้อย่างไร้ความกังวลหรือไม่ต้องระแวงการ โดนแทงข้างหลัง รวมถึงมีใจทำงานเพื่อทีมมากกว่าทำเพื่อปกป้องตัวเอง 2. “กลัวความขัดแย้ง” (Fear of Conflict) ความขัดแย้งในอุดมการณ์ที่มีข้อจำกัด อยู่ที่แนวคิด และควรหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ตัวบุคคล แต่ควรให้ทีมมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ภาพรวมของทีม สมาชิกในทีมจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพได้ดีกว่า การเปิดใจรับฟังความเห็นของกันและกันจะช่วยให้ทั้งทีมได้รับประโยชน์สูงสุด การสร้างความไว้วางใจทีมงานอาจทำให้เกิดความขัดแย้งได้ เนื่องจากบางครั้งการพูดอะไรออกไปอาจถูกตีความว่า เป็นการทำลายความสัมพันธ์ที่ดีทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วคงต้องเกิดความขัดแย้งบ้างในการทำงาน สิ่งสำคัญที่จะแยกแยะความขัดแย้งกับการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น อยู่ที่จุดยืนหรืออุดมการณ์ของแต่ละคน คือการเมือง เมื่อเกิดความเห็นขัดแย้งกันในทีม สมาชิกมักไม่เปิดอกคุยกัน แต่มักจะหันไปโจมตีกัน ทะเลาะกัน โดยใช้ความรู้สึกส่วนตัวมากกว่าเหตุผล ซึ่งเป็นอันตรายและน่ารังเกียจที่สุดในการทำทีม 3. “ขาดความมุ่งมั่น” (Lack of Commitment) ในบริบทของทีมที่มีความมุ่งมั่น มีปัจจัยหลักที่สำคัญ 2 ประการ คือ “ความชัดเจนและการยอมรับ” ทีมที่ยอดเยี่ยมจะสามารถตัดสินใจอย่างชัดเจน ทันท่วงที และก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับการยอมรับจากสมาชิกทุกคนในทีม ทีมที่ยอดเยี่ยมจะเข้าใจถึงอันตรายในการหาฉันทามติและหาวิธีที่จะทำให้มีการยอมรับกันและกัน เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีที่สุดของทีม ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะนั่นคือการยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน 4. “หลีกเลี่ยงการเป็นเจ้าภาพ” (Avoidance of Accountability) ให้เพื่อนร่วมทีมติดต่อกัน พูดคุยกันเกี่ยวกับพฤติกรรมและการกระทำของสมาชิกในทีม ต้องมีความชัดเจนในสิ่งที่คาดหวังร่วมกัน ความรับผิดชอบมักจะหยุดชะงักจากการที่ต้องหาคนรับผิดชอบหรือเป็นเจ้าภาพในแต่ละโปรเจค สมาชิกของทีมที่ดีต้องปรับความสัมพันธ์ให้เข้ากันให้ได้ และต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเคารพและคาดหวังซึ่งกันและกัน วิธีการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สุดคือการรักษามาตรฐานในการปฏิบัติงานของทีม 5. “ไม่สนใจผลงาน” (Inattention to Results) ความสำเร็จไม่ได้เป็นเรื่องของการมีความรู้ที่ลึกซึ้ง หรือต้องรู้จักทฤษฎีที่ซับซ้อน แต่เราต้องยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของสมาชิก ในที่สุดเราถึงจะสามารถเอาชนะใจและทำให้เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นำไปสู่การกล้าเผชิญความเห็นที่แตกต่างกัน ก่อให้เกิดความความมุ่งมั่น กล้าที่จะรับผิดชอบร่วมกัน และอยากให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับทีม ทีมต้องสร้างผลงานร่วมกันของกลุ่ม ไม่ใช่ผลงานของใครของมัน ต้องให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ โดยการทำให้ผลการค้นหาผลลัพธ์เป็นไปอย่างชัดเจนและให้รางวัลพฤติกรรมเหล่านี้ ในท้ายที่สุด การทำทีมสิ่งที่ต้องทำก็คือการฝึกซ้อม โดยเริ่มจากทีมเล็กๆ ก่อน ความผิดพลาดที่สุดในการสร้างทีม คือ การที่สมาชิกให้ความสนใจเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เป้าหมายร่วมกันของทีม ถ้าสมาชิกในทีมไม่รับผิดชอบต่องานของตนเอง พวกเขามีแนวโน้มที่จะหันความสนใจไปสู่ผลประโยชน์เฉพาะที่ตนสนใจ มากกว่าผลประโยชน์ของทั้งทีม ทำให้ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่เนื่องจากไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นแทน
view 0
ประเภทบทความ
บทความยอดนิยม
Sorry. No data so far.